จุดเปลี่ยนของทีวี: ดิจิทัล vs อินเทอร์เน็ต

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม Eric Schmidt ผู้เป็น Executive Chairman ของ Google ได้ประกาศชัยชนะของการรับชมวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต ที่มีเหนือทีวี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คำประกาศดังกล่าว มีที่มาจากจำนวนผู้เข้าชม YouTube ที่มีมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ซึ่ง Google มีความเชื่อมั่นว่าจำนวนดังกล่าว มีโอกาสที่จะขยายตัวสู่ 6-7 พันล้านคน ซึ่งจะครอบคลุมถึงประชากรทั้งโลก ถึงแม้คำประกาศของ Eric Schmidt อาจจะยังมีข้อกังขา หากเปรียบเทียบกับตัวเลขที่เป็นมาตรวัดของทีวีในแง่มุมต่างๆ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือการที่วีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตได้มาเป็นแนวโน้มของอนาคตอันใกล้และไกล ในขณะที่ทีวีเป็นพฤติกรรมของปัจจุบันที่กำลังจะเป็นอดีตในไม่ช้านี้ ทีวีคือการเผยแพร่เนื้อหาในรูปแบบของวีดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวที่สามารถเข้าถึงได้โดยประชากรเกือบทั้งประเทศ ปัจจุบันการเข้าถึงทีวีมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก คือ การรับสัญญาณผ่านเสาอากาศ ผ่านดาวเทียม และผ่านเคเบิล โดยทั่วไปการรับชมผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลเป็นการรับชมแบบสมัครสมาชิก ในขณะที่การรับชมผ่านเสาอากาศคือทีวีที่สามารถรับชมได้โดยประชาชนทั่วไป (Free TV) Free TV เป็นรูปแบบของสื่อที่มีมูลค่าสูงสุดในประเทศไทย จากมูลค่ารวมของสื่อทั้งประเทศ ที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาทต่อปี Free TV มีมูลค่ากว่า 60% จุดเปลี่ยนสู่ดิจิทัลทีวี คือการเปลี่ยนคลื่นความถี่ของ Free TV จากระบบแอนะล็อกในปัจจุบันมาเป็นดิจิทัล โดยจะเพิ่มจำนวนของช่อง เพิ่มเสถียรภาพของสัญญาณ และเพิ่มการบริการแบบความละเอียดสูง (HD)

อย่างไรก็ดีดิจิทัลทีวีกลับไม่ใช่สิ่งที่ Eric Schmidt ได้พูดถึง และเป็นเทคโนโลยีคนละรูปแบบกับวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างสิ้นเชิง ในทางกลับกันดิจิทัลทีวียังจัดอยู่ในกลุ่มของทีวี ที่ Google ได้ประกาศชัยชนะเหนือด้วย ทั้งนี้ ยังคงมีความสับสนสำหรับบุคคลทั่วไป ที่ได้เข้าใจว่าดิจิทัลทีวีเป็นการเปิดทางสู่วีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต

วีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตคือการเผยแพร่เนื้อหาในรูปแบบของวีดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถรับชมได้ผ่านอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ในยุคแรกของวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตอุปกรณ์หลักในการเข้าถึงคือคอมพิวเตอร์และแล็ปท็อป เช่นดังตัวอย่างของการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อรับชม YouTube ต่อมามีพัฒนาการของอุปกรณ์ในการเข้าถึงและเทคโนโลยีโครงข่าย จึงได้เกิดอุปกรณ์ยุคใหม่เช่น Smartphone, Tablet, Smart TV ฯลฯ ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่าน 4G, 3G หรือ WiFi และเป็นที่มาของการเข้าถึงวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตจากทุกที่ทุกเวลา

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างดิจิตัลทีวีและวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตคือดิจิตัลทีวี ซึ่งไม่ต่างกับทีวีผ่านเสาอากาศในยุคแอนะล็อก ดาวเทียม และเคเบิล เป็นการแพร่ภาพเนื้อหาทางเดียว (Broadcast) กล่าวคือ เป็นการให้บริการในรูปแบบของช่อง และไม่มีรูปแบบในเชิงตอบโต้ (Interactive) และเมื่อทวงถาม (On Demand) ในขณะที่วีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นการให้บริการแบบจุดต่อจุด (Point to Point) ซึ่งมีความเป็น Interactive และ On Demand เช่นดังตัวอย่างของการรับชม YouTube ซึ่งผู้ใช้สามารถมีการตอบโต้กับ YouTube คือการกด Like, ส่งต่อ, เขียนบทวิจารณ์ หรือกระทั่งนำเสนอวีดีโอใหม่ และสามารถเลือกชมวีดีโอที่ตนต้องการได้ โดยไม่ต้องอาศัยรูปแบบของช่อง

ความแตกต่างอีกประการหนึ่งคือการรับชมดิจิตัลทีวีจำเป็นต้องอาศัยกล่องแปลงสัญญาณ (Set Top Box) ซึ่งการแจกจ่ายหรือการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน (Subsidize) โดยภาครัฐเป็นแนวทางปฏิบัติสากล แต่ Set Top Box ดังกล่าว ยังคงต้องอาศัยเสาอากาศ จึงมีความเหมาะสมสำหรับการรับชมผ่านเครื่องโทรทัศน์ที่ไม่มีการย้ายที่ ในทางกลับกันการรับชมวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้โดยทุกอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งรวมถึง คอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป Smartphone, Tablet, Smart TV ฯลฯ ในปัจจุบัน ยังมี Set Top Box ที่สามารถทำให้เครื่องโทรทัศน์ที่ไม่ใช่ Smart TV สามารถรับชมวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตได้ สำหรับการที่จะทำให้ แล็ปท็อป, Smartphone, Tablet สามารถเข้าถึงดิจิตัลทีวี มีความจำเป็นต้องติดตั้งระบบแปลงสัญญาณเพิ่มเติม จึงอาจไม่เหมาะสำหรับการเข้าถึงทุกที่ทุกเวลา แม้โทรทัศน์ในอนาคตอาจมีเครื่องแปลงสัญญาณดิจิตัลทีวีที่รวมมากับเครื่อง แต่ก็ยังคงเหมาะสมกับการรับชมอย่างไม่เคลื่อนย้ายสถานที่ หรือในอนาคตอาจมีอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถรับชมดิจิตัลทีวีได้โดยเฉพาะ แต่ก็ยังไม่ใช่อุปกรณ์ที่มีการพกพาหลักเช่น แล็ปท็อป, Smartphone, Tablet ผู้ใช้งานอาจจำเป็นที่จะต้องพกพามากกว่าหนึ่งอุปกรณ์หากต้องการเข้าถึงดิจิทัลทีวีทุกที่ทุกเวลา

ข่าวคราวที่สำคัญสำหรับประเทศในปีนี้ ย่อมเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตัลทีวี เพราะต้องอาศัย นโยบาย ใบอนุญาต และการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่วีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นวิวัฒนาการของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค จึงอาจไม่เป็นข่าวคราวที่ได้รับความสนใจ ในปัจจุบันดิจิตัลทีวีย่อมเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญกว่า เพราะมีความเหมาะสมกับพัฒนาการของประเทศไทย แต่ในที่สุด การประกาศชัยชนะของการรับชมวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตก็จะต้องเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งยังต้องอาศัยปัจจัยอีกหลายอย่าง แต่อาจไม่จำเป็นต้องมีการผลักดันจากภาครัฐอีกต่อไป เพราะการประมูล 3G เมื่อปีกลาย ได้เป็นการปลดแอกครั้งสำคัญ ที่ยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง

Published in Krungthepturakij on May 28, 2013