เครื่องพิมพ์สามมิติ สู่การปฏิวัติและทำลายล้างอุตสาหกรรม

วันนี้ คนไทยกำลังลุ้นอยู่กับ 3G และโอกาสที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ จะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสู่การสิ้นสุดของปัญหา Digital Divide หรือความเหลื่อมล้ำในการเขาถึงโลกดิจิตอลของคนไทย แต่ในวันนี้ คนต่างชาติในประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังลุ้นอยู่กับ เครื่องพิมพ์สามมิติ (3D Printer) ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสู่การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม ที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกต่างมองว่า อาจเป็น Disruptive Technology ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างส่งผลสู่ภาพรวมของภาคอุตสาหกรรม ในรูปแบบของ Disruptive Changes ได้อย่างยิ่งใหญ่กว่าการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมจากอินเทอร์เน็ตในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา

เครื่องพิมพ์สามมิติคืออุปกรณ์ ที่สามารถสร้างสิ่งของที่สัมผัสได้ จากไฟล์ต้นแบบที่โหลดมาจากโลกดิจิตอล ในมุมมองหนึ่ง เครื่องพิมพ์สามมิติอาจเปรียบเสมือนเป็นประตูทางออกจากโลกดิจิตอลเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพราะเกือบทุกสิ่งที่โหลดได้จากโลกดิจิตอล สามารถใช้เครื่องพิมพ์สามมิติสร้างออกมาเป็นสิ่งของที่สัมผัสและใช้งานได้ในโลกแห่งความเป็นจริง

ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้อาจค้นหาและโหลดไฟล์ต้นแบบของไม้เทนนิสที่เขาอยากได้จากอินเทอร์เน็ต จากนั้นจึงใช้เครื่องพิมพ์สามมิติสร้างออกมาเป็นไม้เทนนิสที่สามารถใช้เล่นเทนนิสได้จริง

ถึงแม้ว่าปัจจุบันเครื่องพิมพ์สามมิติยังไม่สามารถสร้างได้ทุกสิ่งอย่าง แต่ในเวลานี้ได้มีการทุ่มทุนศึกษาค้นคว้าเพื่อสร้างเครื่องพิมพ์สามมิติที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และราคาถูกที่สุด โดยอีกไม่นานจะมีเครื่องพิมพ์ที่ราคาต่ำกว่า $1,000 ที่สามารถสร้างสิ่งของที่มีความสลับซับซ้อนสูงได้ โดยใช้วัสดุหลายร้อยชนิด ที่รวมไปถึง พลาสติก ไม้ โลหะ ผ้า ฯลฯ สำหรับเครื่องพิมพ์ราคาสูงในปัจจุบัน ที่มีขนาดใหญ่ สามารถใช้สร้าง เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และกระทั่งอวัยวะทดแทนสำหรับมนุษย์

แต่การปฏิวัติที่แท้จริง จะเกิดขึ้นเมื่อครัวเรือนส่วนใหญ่สามารถมีเครื่องพิมพ์สามมิติของตัวเอง โดยกระบวนการ ออกแบบ ผลิต ซื้อขาย และขนส่ง ที่เป็นทั้ง Value Chain ของการได้มาซึ่งสินค้าจะต้องเปลี่ยนแปลงไป หรือกระทั่งถูกทำลายล้าง เพราะผู้ซื้อสามารถโหลดไฟล์ต้นแบบเพื่อพิมพ์สินค้าได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่าน โรงงาน พ่อค้าคนกลาง และการขนส่ง นอกไปจากนี้ ในขณะที่โรงงานส่วนใหญ่ เน้นการ Mass Produce หรือการผลิตสินค้ารูปแบบเดียวกันเป็นจำนวนมาก แต่การพิมพ์สามมิติจะทำให้ลูกค้าสามารถเลือก Customize รูปแบบของสินค้าเพื่อการพิมพ์มาใช้งานอย่างเฉพาะตัว และจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักออกแบบสินค้า ที่ไม่มีต้นทุนของโรงงาน สามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง โดยที่มีการซื้อขายแค่เพียงไฟล์ต้นแบบผ่านอินเทอร์เน็ต ลูกค้าก็สามารถพิมพ์สินค้าออกมาได้เอง ไม่ต้องผ่านโรงงาน

การปฏิวัติอุตสาหกรรมในครั้งนี้ อาจมีรูปแบบที่คล้ายการปฏิวัติิอุตสาหกรรมในอดีต จากการเป็น Disruptive Technology ที่นำมาซึ่ง Disruptive Changes เช่น นวัตกรรมอินเทอร์เน็ตที่ลดบทบาทของสื่อจากยุคก่อนหน้า นวัตกรรมเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่ลดการผูกขาดของโรงพิมพ์ นวัตกรรม iPod ที่เปลี่ยนอุตสาหกรรมเพลงมาสู่ระบบดิจิตอล ฯลฯ แต่ Value Chain ในครั้งนี้ ซึ่งรวมภาคส่วนของโรงงาน การขนส่ง และการซื้อขาย กลับเป็นกลุ่มธุรกิจ ที่มีมูลค่าสูง และเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลก อาจต้องถูก Disrupt หรือทำลายล้าง ด้วยเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่กำลังเป็นที่จับตามองในต่างประเทศ

เครื่องพิมพ์สามมิติมิได้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของเทคโนโลยี เพราะได้มีการศึกษาค้นคว้ามากว่าทศวรรษแล้ว เครื่องพิมพ์ที่ราคาต่ำกว่า $1,000 เริ่มถูกวางตลาด และถูกใช้งานในวงจำกัด นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นประเภทของโครงการที่ได้รับความสนใจและได้รับการสนับสนุนสูงสุดบน Kickstarter ศูนย์รวมของนวัตกรรม ที่บุคคลทั่วไปสามารถร่วมสนับสนุนแบบ Crowd Sourcing ได้ แม้กระทั่งนักวิเคราะห์การลงทุน ยังเริ่มแนะนำให้จับตามองเครื่องพิมพ์สามมิติและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยมีความเชื่อว่าจะยิ่งใหญ่กว่ายุค Dot Com ของอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน การปฏิิวัติจากเครื่องพิมพ์สามมิติอาจมิใช่ 10 ปีในอนาคต แต่จะใช้เวลาไม่ถึง 3 - 5 ปีข้างหน้า

ระหว่างที่คนไทยกำลังลุ้นอยู่กับ 3G และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกของประชากรส่วนใหญ่ การมาของเครื่องพิมพ์สามมิติ อาจสร้างความเปลี่ยนแปลง สู่การปฏิวัติ และกระทั่งทำลายล้าง หลายอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญกับประเทศ อย่างที่ไหวตัวไม่ทัน ซึ่งเป็นทั้งผลดี สำหรับคนฉลาดที่รู้จักการฉกฉวยโอกาส และผลเสีย สำหรับผู้ที่ไม่ทันการเปลี่ยนแปลง คุณว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มไหน

Published in Krungthepturakij on December 11, 2012