Oculus Rift จากตำนานสู่โลกเสมือนจริง

หากพูดถึงนวัตกรรม ที่ในปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจอย่างสูงสุด ในวงการเทคโนโลยีระดับโลก คงต้องหนีไม่พ้น Oculus Rift ที่เป็นการบุกเบิกเทคโนโลยี ของการเข้าสู่โลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ซึ่งต้องจัดเป็นคลื่นใต้น้ำ ที่กำลังจะมามีความสำคัญในปลายปี 2014 และอาจทำให้ศูนย์กลางความบันเทิงที่ได้เปิดตัวใหม่ อย่างเช่น PS4 และ Xbox One ต้องถูกมองเป็นนวัตกรรมจากยุคก่อนหน้านี้ไปเลย เทคโนโลยีของ Oculus Rift คือการอาศัยแว่นตา (Goggle) ที่มีจอ LCD ขนาด 7 นิ้วสองจอ สำหรับตาแต่ละข้าง ในการให้ประสบการณ์สามมิติ (3D) ในระบบ HD กับผู้ใช้งาน ซึ่งเมื่อผู้ใช้งานหันศีรษะและมองไปตามองศาต่างๆ สภาพแวดล้อม 3D ที่ผู้ใช้งานเห็น จะปรับเปลี่ยนองศาตาม ทำให้ผู้ใช้งาน มีประสบการณ์ของโลกเสมือนจริง ผ่านประสาทตาและหู ในขณะที่เทคโนโลยี 3D ในปัจจุบัน ที่พบเห็นได้ตามโรงภาพยนตร์ และโทรทัศน์ Smart TV ทั่วไป อาศัยการฉายภาพซ้อน และการใช้แว่นตาเพื่อแยกภาพสำหรับตาซ้ายและตาขวา จึงทำให้ผู้ใช้งานเห็นภาพ 3D เฉพาะที่หน้าจอเท่านั้น แต่ไม่สามารถมีประสบการณ์ของ Virtual Reality ในรูปแบบของ Oculus Rift ได้

ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี Oculus Rift สามารถระดมเงินทุนได้ 91 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง 2.4 ล้านดอลลาร์ เป็นการระดมทุนด้วยวิธี Crowdfunding ผ่าน Kickstarter และนอกจากนั้น เป็นการระดมทุนภายใต้การนำของ Marc Andreessen ผู้ก่อตั้ง Netscape เมื่อ 20 ปีที่แล้ว และ Oculus Rift ยังได้แต่งตั้ง John Carmack ผู้โด่งดังจากเกมส์ Wolfenstein 3D, Doom และ Quake เป็นหัวหน้าผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (CTO)

หลายคนในประเทศไทยอาจไม่รู้จัก John Carmack แต่สำหรับวงการเทคโนโลยีระดับโลก ทุกคนต้องรู้จักเขาในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท id Software เมื่อ 20 ปีก่อน และโปรแกรมเมอร์ในตำนาน ผู้ซึ่งเป็นบิดาของเกมส์สามมิติ (3D) และเกมส์ออนไลน์ ในยุคแรกเริ่มของอินเทอร์เน็ต เริ่มต้นจาก Wolfenstein 3D, Doom และ Quake ที่นักเล่นเกมมืออาชีพในยุคนี้ ยังคงต้องรู้จัก เกมส์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะบุกเบิกเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากในยุคนั้น แต่ยังคงเป็นซอฟต์แวร์ได้รับการนิยมสูงสุด ในปี 1995 Doom ได้ถูกจัดอันดับเป็นซอฟต์แวร์ที่มีการแพร่หลายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่ Windows 95 ของ Microsoft ถูกจัดอันดับเป็นอันดับสอง จนกระทั่ง Microsoft ได้มีความพยายามที่จะเข้าควบรวมกิจการของ id Software ในยุคนั้น

Marc Andreessen เป็นอีกบุคคลหนึ่ง ที่หลายคนในประเทศไทย อาจไม่รู้จักอีกเช่นกัน แต่ในวงการเทคโนโลยีระดับโลก เขาได้รับการนับถือ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งของ Netscape เมื่อ 20 ปีก่อน และบิดาของเว็บเบราว์เซอร์ ที่เคยมีการใช้งานสูงสุดในโลก Netscape เป็นนวัตกรรม ที่ได้ทำให้ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ในยุคแรกกว่าพันล้านคน ได้รู้จัก เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) ก่อนที่จะถูกพัฒนาต่อเป็น อีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย และ โซเชียลเน็ตเวิร์ค ในปัจจุบัน Marc Andreessen มีมูลค่าทรัพย์สิน 600 ล้านดอลลาร์ และเป็นกรรมการในบอร์ดของบริษัทชั้นนำในโลกเทคโนโลยี เช่น Facebook, eBay และ HP

การมาพบกันของสองบุคคลในตำนาน ย่อมต้องเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ John Carmack เป็นบิดาของเทคโนโลยีสามมิติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีโลกเสมือน ส่วน Marc Andreessen เห็นบิดาของเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นหน้าต่างสำหรับเข้าสู่โลกออนไลน์ การร่วมมือของทั้งสอง ย่อมมีผลสำคัญ ต่อโอกาสที่ Oculus Rift จะเป็นหน้าต่าง ที่เปิดมิติเข้าสู่ Virtual Reality ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก

Oculus Rift มีแผนจะวางตลาดปลายปี 2014 นี้ ด้วยราคาที่ราว 300 ดอลลาร์ จึงจะเป็นครั้งแรก ที่ Virtual Reality จะมีราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ประสบการณ์ของ Virtual Reality ในยุคแรกเริ่มของ Oculus Rift ย่อมต้องหนีไม่พ้น เกมส์ 3D ที่ถูกพัฒนาเพื่ออาศัยความได้เปรียบของ Virtual Reality ทั้งนี้มีกว่า 300 เกมส์ ที่ได้ประกาศจะรองรับ Oculus Rift และผู้พัฒนาเกมส์ยักษ์ใหญ่หลายราย ได้ประกาศที่จะพัฒนาเกมส์โดยเฉพาะสำหรับ Oculus Rift

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ ประสบการณ์ของ Virtual Reality ในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งอาจเริ่มต้นจาก การเป็นศูนย์กลางความบันเทิง เช่น การรับชมภาพยนตร์ คอนเสิร์ต นิทรรศการ ฯลฯ ที่สามารถพัฒนาเป็น Virtual Reality เพื่อให้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าเทคโนโลยี 3D ในปัจจุบัน จึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะจินตนาการถึง ภาพยนตร์แบบ Virtual Reality ที่สามารถรับชมประสบการณ์จากวิสัยทัศน์ของตัวละคร และยังสามารถหันศีรษะและมองไปตามองศาต่างๆ เพื่อรับชมประสบการณ์ ที่อยู่รอบข้างได้เสมือนจริง

นอกเหนือจากความบันเทิง ยังมีโอกาสอีกมากมาย ที่ Virtual Reality จะถูกพัฒนาเพื่อประโยชน์ในด้านการทำงาน ติดต่อสื่อสาร บังคับควบคุม ฯลฯ

อย่างไรก็ดีมีข่าวลือว่า ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเกมส์ อย่าง Sony ได้ซุ่มพัฒนา เทคโนโลยี Virtual Reality ซึ่งอาจกำลังเปิดตัวในอีกไม่ช้านี้ และเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อสำหรับ PS4

จนกว่าจะมีเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับคลื่นสมองของมนุษย์ได้โดยตรง อย่างในภาพยนตร์เรื่อง The Matrix การเข้าสู่โลกเสมือนจริง ในยุคปัจจุบัน ยังคงต้องอาศัย Goggle เช่น Oculus Rift ซึ่งเป็นตัวอย่างใกล้เคียงที่สุดในยุคนี้ Oculus Rift เป็นก้าวสำคัญของ Virtual Reality อย่างมีคุณภาพ ที่เข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป หากสำเร็จย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ตามมา แต่จะถึงขั้นเป็น Disruptive Innovation หรือไม่ ยังคงเป็นกรณีที่ต้องติดตาม

Published in Krungthepturakij on March 28, 2014