Android vs Linux ความเหมือนที่แตกต่าง
/Open Source คือรูปแบบการพัฒนาและแจกจ่ายผลิตภัณฑ์ โดยเปิดเผย Source Code หรือรหัสต้นฉบับ ที่นักพัฒนาทั่วไป สามารถนำไปแก้ไข และแจกจ่ายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุง ผลิตภัณฑ์จำนวนมาก ที่เติบโตมากับอินเทอร์เน็ต และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ล้วนเป็น Open Source ทั้งสิ้น หนึ่งตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ Open Source คือ Linux ซึ่งเป็น Operating System ที่มีการเปิดเผย Source Code แรกเริ่ม Linux ถือกำเนิดโดยความพยายามของ Linus Torvalds นักพัฒนาชาวฟินแลนด์ ที่ได้เชื้อเชิญให้นักพัฒนาอื่นๆ ร่วมพัฒนาด้วยกัย โดยมีการแชร์ Source Code อยู่บนอินเทอร์เน็ต ปัจจุบัน นักพัฒนากว่าหมื่นคน ร่วมพัฒนา Linux Kernel ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ Operating System และยังไม่รวมถึงนักพัฒนา ที่ร่วมพัฒนาส่วนอื่นๆ ของ Linux ที่อาจมีหลายแสนคน นอกจากนี้ นักพัฒนายังสามารถนำ Source Code ไปปรับปรุง เพื่อแจกจ่าย หรือกระทั่งจัดจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เช่นตัวอย่างของ Ubuntu, Mint, Red Hat ฯลฯ ปัจจุบัน Linux มี Market Share กว่า 30% ของ Operating System ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต
สำหรับ Android คือ Operating System ที่ถูกปรับปรุงมาจาก Source Code ของ Linux โดย Google เป็นผู้แจกจ่ายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ปัจจุบัน Android เป็น Operating System ของ Smartphone ที่มีการใช้งานสูงสุด มี Market Share กว่า 70% โดยมีผู้ผลิต Smartphone และ Tablet เช่น Amazon, Samsung, HTC ฯลฯ นำไปใช้งานต่อ ในผลิตภัณฑ์ Smartphone และ Tablet ของตัวเอง
ความแตกระหว่าง Linux และ Android คือการที่ Source Code ของ Linux ไม่มีผู้สนับสนุนหลัก ที่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่สำหรับ Android นั้น มี Google อยู่เบื้องหลัง ที่ได้เชื่อมต่อเข้าสู่ Ecosystem ของตน เช่นดังตัวอย่างของ Google ID, Google Plus, Google Play ฯลฯ ซึ่งล้วนสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้กับ Google ถึงแม้ Google จะไม่ได้รายได้จากการขายอุปกรณ์โดยตรง หรือจากการขาย License Android ก็ตาม
อย่างไรก็ดี Amazon, Samsung, HTC ฯลฯ ที่เป็นผู้นำ Android ไปใช้ต่อ ล้วนมีการแก้ไขปรับปรุง Android ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของตน โดยอาศัยความเป็น Open Source ของ Android ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือผลิตภััณฑ์ Kindle ของ Amazon ที่ได้แก้ไขปรับปรุงรูปลักษณ์และบริการต่างๆ ของ Android ให้เหมาะสมกับการเป็น Tablet สำหรับอ่านหนังสือ การแก้ไขปรับปรุงของ Kindle อาจทำให้จดจำรูปแบบเดิมของ Android ไม่ได้เลย และกระทั่งได้ถอด Ecosystem ของ Google เช่น Google ID, Google Plus, Google Play ฯลฯ สำหรับ Samsung, HTC, Sony ฯลฯ มีการแก้ไขปรับปรุง Android เช่นกัน ซึ่งรวมถึงรูปลักษณ์และบริการต่างๆ แต่ยังคงจดจำรูปแบบเดิมของ Android ได้ และยังคงใช้ Ecosytem ของ Google อยู่
ปัจจุบัน Amazon ได้ยกเลิกการใช้ Ecosystem ของ Google บน Kindle ของตน อย่างสิ้นเชิง และได้มีการประยุกต์ใช้ Amazon ID, Amazon App Store ฯลฯ เข้ามาแทนที่ ในขณะที่ Samsung จะยังคงใช้ Ecosytem ของ Google อยู่ แต่ได้เริ่มพัฒนา Ecosystem ของตนเองมาสวมทับ เช่น Samsung ID, Samsung App Store ฯลฯ และทิศทางในอนาคตของ Samsung ภายหลังการเปิดตัว Samsung Galaxy S4 มีแนวโน้มที่จะพัฒนา Ecosystem มาสวมทับของ Google ยิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ อาจเป็นอุปสรรคสำหรับ Google เมื่อ Android ได้เกิด Fragmentation หรือการแตกกระจาย ของ Android โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้ผลิตอุปกรณ์บางราย เช่น Amazon หรือ Samsung เริ่มมีอำนาจทางการตลาด จากการที่เป็นผู้บุกเบิก Marketshare ในสัดส่วนที่ใหญ่มากของ Android ซึ่งในที่สุด อาจเป็นผู้มีอำนาจเหนือความสำเร็จของ Android มากยิ่งกว่า Google เสียอีก และเมื่อ Ecosystem ของตน มีความพร้อม Amazon, Samsung ฯลฯ จะสามารถยกเลิกการที่ต้องอาศัย Android ได้อย่างสิ้นเชิง โดยที่ลูกค้าอาจไม่สังเกตุความแตกต่าง
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของ Google ยังคงอยู่ที่จำนวนของ App ใน Google Play ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เกือบ 1,000,000 ในขณะที่ Amazon App Store มีอยู่ราว 50,000 และ Samsung App Store ยังคงมีอยู่ราว 15,000 จึงอาจยังไม่ถึงเวลา ที่ Samsung, HTC, Sony ฯลฯ จะยกเลิกการอาศัย Ecoystem ของ Google แต่ความแข็งแกร่งนี้ ใช่ว่าจะยังคงอยู่ในระยะยาว และอาจเป็นปัญหาทางกลยุทธ์ของ Google ในที่สุด
ที่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ เป็นหนึ่งอรรถรส ของการแข่งขันเพื่อเชือดเฉือนความเป็นผู้นำ ภายใต้ระบบ Open Source ที่เรียกว่า Android ในขณะที่ iOS ของ Apple ที่เป็นระบบปิดทั้ง Software และ Hardware จะไม่มีเรื่องราวเช่นนี้เลย
Published in Krungthepturakij on March 19, 2013